Q : โรคหัด รักษาอย่างไรบ้าง?
A : ยังไม่มีวิธีรักษาโรคหัด แต่สามารถหายได้เองภายใน 7 ถึง 10 วัน แพทย์มักจะแนะนำให้คุณพักรักษาตัวที่บ้านไปจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น โดยบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อได้ ดังนี้:
- ทานยาพาราเซตตามอลหรืออิบูโพรเฟนเพื่อลดไข้และอาการปวดกล้ามเนื้อ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ปิดม่านเพื่อลดภาวะอ่อนไหวต่อแสงอาทิตย์
- ใช้ผ้าขนนุ่มชื้น ๆ ทำความสะอาดรอบตา
- ลาเรียนหรือลางานเป็นเวลาอย่างน้อยสี่วันหลังจากที่เริ่มมีผื่นขึ้น
- ในกรณีที่ป่วยรุนแรง โดยเฉพาะที่มีภาวะแทรกซ้อนร่วมด้วยต้องพาผู้ป่วยไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที
Q : ภาวะแทรกซ้อนของหัดที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง?
A : ท้องร่วงและอาเจียนจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
- การติดเชื้อของหูชั้นกลางจนทำให้เกิดอาการปวดหู
- เยื่อบุตาอักเสบ
- การอักเสบของกล่องเสียง
- ปอดบวมและโรคครูป ซึ่งเป็นการติดเชื้อของหลอดลมและปอด
- ชักจากไข้
Q : โรคอุจจาระร่วง คืออะไร?
A : หมายถึง ภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลวผิดปกติ ตั้งแต่ 3 ครั้งติดต่อกัน หรือมากกว่าใน 1 วัน หรือถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้ง อาจมีอาเจียนร่วมด้วย
Q : อาการของโรคอุจจาระร่วงมีอะไรบ้าง?
A : มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และอุจจาระบ่อยอาจมีมูกหรือเลือดปน เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด หากเป็นรุนแรงอาจมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วย
Q : การรักษาโรคอุจจาระร่วง มีวิธีใดบ้าง?
A : - รักษาตามอาการ ในกรณีติดเชื้อไวรัส (ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ)
- รักษาตามอาการ ให้ยาปฏิชีวนะในกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย
- หากมีอาการถ่ายไม่หยุดหรือภาวะขาดน้ำ แพทย์จะพิจารณาให้รับประทานเกลือแร่หรือสารละลายทางหลอดเลือดดำทดแทนจนกว่าอาการจะดีขึ้น
Q : การป้องกันโรคอุจจาระร่วงมีอะไรบ้าง?
A : - ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนปรุง หรือรับประทานอาหารและภายหลังถ่ายอุจจาระ
- ดื่มน้ำสะอาด ถ้าเป็นน้ำต้มสุกจะดีที่สุดและเลือกซื้อน้ำแข็งที่ถูกหลักอนามัย
- เลือกรับประทานอาหารที่สะอาดสุกใหม่ๆ ไม่ควรรับประทานอาหารที่สุกๆ ดิบๆหรืออาหารที่มีแมลงวันตอม หากจะเก็บอาหารที่เหลือจากการรับประทานหรืออาหารสำเร็จรูปที่ชื้อไว้ ควรเก็บไว้ในตู้เย็นและอุ่นให้เดือดทั่วถึงทุกครั้งก่อนรับประทาน
- ล้างผักสด ผลไม้ ด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
- ส่งเสริมให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้เด็กมีภูมิต้านทานโรค
- ล้างขวดนมให้สะอาด และต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที
- กำจัดขยะมูลฝอย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวัน เช่น อุจจาระเด็กกำจัดหรือทิ้งในโถส้วมหรือกลบให้มิดชิด
- ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
Q : สาเหตุการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูงมีอะไรบ้าง?
A : - ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์
- โรคบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ขาดฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์
- จากยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ สเตียรอยด์
- การรับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ
- การดื่มสุราเป็นประจำ
Q : การรักษาไขมันในเลือดสูงมีอะไรบ้าง?
A : - ปรับพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ฯลฯ
- การรับประทานยาลดไขมัน
Q : การป้องกันไขมันในเลือดสูงทำอย่างไร?
A : - ควบคุมอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ ไข่แดง ปลาหมึก
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เบียร์
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน เช่น อาหารทอด เจียว ควรใช้น้ำมันจากพืชแทนน้ำมันจากสัตว์ เช่น - น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดดอก ทานตะวัน เป็นต้น
- รับประทานอาหารพวกผักใบเขียวต่างๆ และผลไม้ที่ให้กากใยอาหาร
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานยาลดระดับไขมันในเลือด