เมื่อพูดถึงโรค “มะเร็ง” เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยของทั้งผู้ป่วยและญาติที่ได้ยิน ย่อมมีความกังวล ไม่มากก็น้อย ทั้งเรื่องของความรุนแรงของตัวโรค อาการ รวมไปถึงการรักษา
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งนั้น ในปัจจุบันพบว่าเกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมซึ่งควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้มีการแบ่งตัวที่ผิดปกติ จนเกิดเป็นเนื้อร้ายในที่สุด โดยมีกลไกย่อยๆมากมายและมีมะเร็งบางชนิดเท่านั้น ที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์สู่รุ่นลูกหลาน
และจากการค้นพบกลไกย่อยๆนี้เอง ทำให้มีการค้นพบยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีที่สุด การรักษามะเร็งจะมีการร่วมมือของทีมสหสาขาวิชา ร่วมกันให้ความเห็นด้านต่างๆ และนำมาสู่ทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมาร่วมกันตัดสินใจในการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางการรักษาและเป็นส่วนหนึ่งของทีมรักษา
หากเราสามารถค้นพบมะเร็งตั้งแต่ยังอยู่ในระยะเริ่มแรก โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ก็มีสูงทีเดียว จึงควารมีการคัดกรองตั้งแต่ยังไม่มีอาการ และควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้เกิดมะเร็งได้
การรักษามะเร็งสามารถแบ่งได้คร่าวๆดังนี้
1. การรักษาที่จำเพาะกับตัวโรค (Specific treatment)
1.1 การรักษาเฉพาะจุด (Local Treatment)
ใช่สำหรับตัวโรคน้อยๆ ที่โรคอยู่เฉพาะจุด หรือมีไม่กี่จุดที่สามารถตามไปจัดการได้หมด หรือเพื่อลดอาการเช่นภาวะปวด ที่มีอยู่เฉพาะจุด ซึ่งวิธีที่จะทำได้แก่ การผ่าตัด การฉายแสง การจี้ก้อนด้วยความร้อน ความเย็น ไฟฟ้า คลื่นวิทยุ แอลกอฮอล์ รวมถึงการใส่สายสวนเส้นเลือดแดงเพื่อไปอุดเส้นเลือดและให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะจุด (TACE, Transarterial chemoembolization) ในมะเร็งตับ (hepatocellular carcinoma) และการให้ยาเคมีโดยตรงในช่องท้องในผู้ป่วย มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลําไส้ใหญ่มะเร็งรังไข่บางรายที่เหมาะสม (HIPEC, Hyperthermic Intraperitoneal Chemotherapy)
1.2 การรักษาทั้งร่างกาย (Systemic treatment)
เป็นการรักษา โดยการใช้ ยาต้านฮอร์โมนในมะเร็งเต้านมบางราย และมะเร็งต่อมลูกหมาก ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า ยา immunotherapy โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้การผ่าตัดมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ช่วยรักษาเสริมหลังจากการผ่าตัด และช่วยลดอาการในผู้ป่วยระยะลุกลาม
2. การรักษาอาการอันเกิดจากโรค (Symptomatic treatment)
เป็นการให้ยา เพื่อช่วยลดอาการต่างๆ อันได้แก่ ภาวะปวด เหนื่อย เป็นต้น รวมถึงการดูแลด้านอาหารการกิน และสภาพจิตใจ ซึ่งจะทำไปควบคู่กันกับการรักษาที่จำเพาะกับตัวโรค
ซึ่งการรักษาเหล่านี้ ย่อมมีทั้งผลดีและผลเสียต่างกัน โดยข้อมูลต่างๆทางทีมรักษาจะได้มีการอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติฟัง เพื่อประกอบการตัดสินใจที่จะเข้าได้กับตัวผู้ป่วยและครอบครัวที่สุด เพราะร่างกายเป็นสิ่งมหัศจรรรย์ที่ต่างจากเครื่องจักร การตอบสนองของตัวโรค และผลข้างเคียงในแต่ละคนย่อมต่างกัน รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่นการเป็นอยู่ ผู้ดูแล ในแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกัน ผู้ป่วยและครอบครัวจึงควรจะมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแต่ละคน