คือ การที่หลอดเลือดดำที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีอาการบวม โป่งพอง และมีหลอดเลือดบางส่วนยื่นออกมาจากทวารหนัก สามารถเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนใหญ่มักจะพบในคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ จากความรุนแรง ดังนี้
ระยะที่ 1 : มีเส้นเลือดดำโป่งพองในทวารหนัก จะมีเลือดไหลออกมาเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ และถ้าท้องผูก เลือดก็จะออกมากขึ้น
ระยะที่ 2 : หัวริดสีดวงทวารโตมากขึ้น เริ่มโผล่ออกมาพ้นทวารหนัก เวลาเบ่งอุจจาระจะออกมาให้เห็นมากขึ้น และหดกลับได้เองหลังการขับถ่าย
ระยะที่ 3 : หัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมามากกว่าเดิม เวลาไอจาม หรือยกของหนักๆ ที่ต้องเกร็งท้อง จะเกิดการเบ่ง ให้หัวริดสีดวงทวารออกมาข้างนอก และไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ต้องใช้นิ้วช่วยดันกลับเข้าไป
ระยะที่ 4 : หัวริดสีดวงโตมากขึ้น สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ชัดเจน มีอาการบวม อักเสบและอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงมาก โดยมีเลือดออกมาเสมอ อาจเป็นน้ำเหลืองเมือกลื่น และมีอุจจาระออกมาได้ ทำให้เกิดความสกปรกและเปียกชื้นตลอดเวลา อาจมีอาการคันที่ขอบปากทวารร่วมด้วย บางครั้งอาจเน่าและอักเสบมากขึ้น นำมาซึ่งการติดเชื้อได้ง่าย และถ้ามีเลือดออกอยู่เรื่อยๆ จะทำให้ซีด อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง และเกิดอาการหน้ามืดได้
เป็นการผ่าตัดแบบใหม่โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง(Doppler Ultrasound)เข้าไปตรวจจับตำแหน่งของเส้นเลือดแดงที่มาเลี้ยงหัวริดสีดวงทวารแล้วทำการเย็บผูกเส้นเลือด ทำให้ริดสีดวงทวารหดเล็กลงโดยไม่ต้องมีแผลผ่าตัดและสามารถเย็บหัวริดสีดวงทวารดันกลับเข้าไปในทวารหนักได้ ริดสีดวงทวารจะฝ่อและหดเล็กลงในระยะเวลา 3-4 สัปดาห์
ข้อดีของการผ่าตัดแบบใหม่คือ